[Fic Bat Family] My love (DamiBruce)

[Fic Bat Family] My love (DamiBruce)

Title : My love

Author : GLassSEcret

Fandom : Bat Family

Pairing : Damian Wayne x Bruce Wayne (Robin x Batman)

Genre : Romantic Drama SM

Rate : NC-17

Note : ทุกคนมองไม่ผิดหรอก เมี่ยนบรูซ…. กลาสชิพนานละ ค้ำคอดีย์ ยิ่ง กลาสต้องแต่งมัน….ฮ่ะๆ….ฮ่าๆๆๆๆ!!! // หลบแบทตาแรง

.

.

.

.

.

ทุกคนต่างก็มีสิทธิที่จะรักใครซักคน…

พวกคุณคิดว่าผมบ้ามั้ย ถ้าผมจะรักใครซักคน….

ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าซักวันเขาจะทิ้งผม

ผมเลยไม่คิดที่จะบอกความรู้สึกนี้ออกไป เพราะกลัวเขาจะเกลียดผม

.

.

.

จนกระทั่ง…เขาเลือกนังแมวขโมยมาเป็นคู่ชีวิต….

.

.

.

“บรูซ…นี่ 6 ปีแล้วนะที่เดเมี่ยนหายไป”

“…”

ดิ๊ก เกรย์สันยืนเท้าสะเอวขวางไม่ให้บรูซ เวย์นพ่อบุณธรรมของเขาปิดประตูหนีสิ่งที่ลูกบุญธรรมคนนี้พูด บรูซถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะพูดขึ้น

“จะให้ฉันทำยังไงล่ะดิ๊ก ไม่ใช่ว่าฉันไม่พยามหาเขา แต่ฉันหาเขาแล้วหาไม่เจอ นายเองก็พยามแล้ว ทั้งทิม ทั้งเจสันก็ทำแล้วก็ไม่เจอตัวเขา”

“…”

“และในเมื่อเดเมี่ยนไม่อยากอยู่กับฉัน ฉันก็จะไม่บังคับเขา”

ปัง!

“เฮ้ยบรูซ!!…แม่ง…!”

ดิ๊กสบถก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าออกไปจากหน้าห้องบรูซให้ไวที่สุดเท่าที่เขาทำได้ และในระหว่างทางเขาก็เจอเข้ากับอัลเฟรดพอดี อัลเฟรดมองดูหน้าดิ๊กตอนนี้ก็รู้ทันทีว่าดิ๊กทะเลาะกับบรูซอีกแล้ว…

“ผมกลับก่อนนะอัลเฟรด” ดิ๊กพยามระงับอารมณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่เพราะเขาไม่อยากระบายอารมย์ใส่อัลเฟรด

“ขอรับ…คุณชายเกรย์สัน”

บรื้นนนนนนนนนน!!

บรูซมองดิ๊กที่บิดมอเตอร์ไซต์ออกไปทางหน้าต่าง บรูซถอนหายใจก่อนที่จะมองดูรูปบนโต๊ะ… รูปที่มีอัลเฟรด ดิ๊ก เจสัน ทิม บาบาร่า และเดเมี่ยน ถ่ายในวันครอบครัว…. บรูซหยิบรูปมาดู เขาจ้องไปที่แค่เดเมี่ยนเท่านั้น

“นายหายไปไหน….เดเมี่ยน…”

ในตอนนั้น เมื่อ 6 ปีก่อน เดเมี่ยนทะเลาะกับบรูซและได้หายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนในแบทแฟมิลี่แม้กระทั่งในจัสติกลีกก็พยามตามหาตัวเด็กชาย และถึงขั้นที่บรูซไปหาทาเลียถึงที่

‘เดเมี่ยนอยู่ที่ไหน….’

‘ฉันไม่รู้บรูซ….’

‘อย่ามาโกหกฉัน’

‘ฉันไม่รู้!!!!’

แม้กระทั่งทาเลียก็ไม่รู้ว่าลูกชายเธอหายไปไหน บรูซจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไง… หรือบางทีเดเมี่ยนอาจจะไม่ต้องการอยู่กับเขาก็ได้…

แต่ว่าเพราะอะไร….

บรูซนึกถึงวันที่เขากับเดเมี่ยนทะเลาะกัน มันไม่เหมือนการทะเลาะกันอย่างที่ผ่านมา….

‘คุณไม่เข้าใจผมหรอก…’

‘…’

‘คุณมันไม่เข้าใจอะไรผมหรอก!!!!’

เขาไม่เข้าใจอะไรในตัวเดเมี่ยนกัน….

ไม่เข้าใจเลย…..

.

.

.

.

เรดฮู๊ด หรือ เจสัน ทอดด์กำลังนั่งมองรถที่ขับขี่ไปมาตามท้องถนนบนดาดฟ้าที่ตึกแห่งหนึ่งในก็อตแธม วันนี้แทบจะไม่มีอะไรให้เขาทำเลยเพราะเขาได้ตรวจตราพื้นที่แถวนี้จนหมดแล้ว เขาเลยคิดว่าจะโทรหาดิ๊ก เกรย์สันพี่ชายคนโตของบ้านเสียหน่อย เพราะเขาเพิ่งรู้มาจากทิม เดรค ชายกลางของบ้านว่าดิ๊กไปอาละวาดที่บ้านบรูซ (ทิมเองก็ฟังมาจากอัลเฟรดอีกที) เจสันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาผู้พี่เพราะอยากฟังจากปากดิ๊กจริงๆ

“ฮัลโหล ดิ๊กกี้เบิร์ด”

‘ว่าไงเจย์’

“ได้ข่าวว่าวันนี้ไปหาบรูซ? แล้วได้เรื่องมั้ย”

‘ไม่เลย…บรูซไม่คิดจะตามหาเลย’

“ตอนแรกฉันเองก็คิดว่าแค่งอนตามภาษาพ่อลูก 2-3 วันเดี๋ยวก็กลับอะไรแบบนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเล่นหายไป 6 ปีแบบนี้”

‘ฉันก็คิดแบบเดียวกับนายนั่นแหละเจย์…’

“….ดิ๊ก แค่นี้ก่อนะ”

‘มีอะไรรึเปล่า?’

“เปล่า”

ติ๊ด…

เจสันกดวางสายดิ๊กทันที เขาหยิบปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวแล้วหันหลังชี้ปากกระบอกปืนไปยังผู้มาเยือน ชายร่างใหญ่ในชุดคลุมสีเขียวเข้มประดับลายทอง สวมใส่หน้ากากอานูบิสสีทอง เจสันปลดเซฟตี้แล้วพูดขึ้น

“แกเป็นใคร”

“…”

ชายคนนั้นยืนเงียบ แต่ก็ชี้กระบองมาทางเจสันเหมือนเป็นการท้าทาย เจสันพุ่งเข้าไป เขาเอียงตัวหลบกระบองที่พุ่งเข้ามาอย่างไว เจสันอ้อมไปข้างหลังผู้มาเยือนแล้วพยามใช้สันปืนฟาดหลังคอ แต่มันหลบได้ เขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เก่ง….เก่งกว่าเจ้าพวกอาชญากรทั่วไป

เจสันถีบมือของผู้มาเยือนเพื่อให้อาวุธหลุดมือแล้วต่อยไปที่ท้องของผู้มาเยือน แต่หมอนั่นหลบทัน เจสันรีบเก็บปืนสั้นเข้าซองแล้วยิงสลิงขึ้นดาดฟ้าอีกที่ๆเขาซ่อนอาวุธไว้ เจสันหยิบปืนกลมือที่วางไว้ตรงหัวมุมของดาดฟ้า 2 กระบอกก่อนที่จะยิงกระหน่ำใส่

ผู้มาเยือนในหน้ากากอานูบิสเองก็ไม่ปล่อยให้เจสันเอาแต่โจมตีเขาอยู่ฝ่ายเดียว เขาชักดาบทั้งสองเล่มขึ้นมาก่อนที่จะใช้ดาบทั้งสองปัดกระสุนจนหมดแล้วใช้สลิงโหนตามมาหาเจสันถึงที่ ผู้มาเยือนฟันดาบลงมาที่มือของเจสัน แต่เจสันหลบทัน กลายเป็นว่าปืนกลของเขาถูกฟันเป็นสองท่อน เจสันถูกมันคว้ามือแล้วจับเหวี่ยงลงข้างล่าง เจสันคว้าปืนคู่ที่เหน็บอยู่ข้างหลังขึ้นมายิงซ้ำ แต่มันก็กระโดดลงมาปัดกระสุนออกจนหมด เจสันม้วนตัวลงพื้นก่อนที่จะยิงสลิงเพื่อขึ้นไปที่ตึกอื่นเพื่อตั้งหลัก

แม่งกัดไม่ปล่อยเลย….

เจสันรีบใส่แม็กปืนก่อนที่จะหาตัวมันจากข้างบน เขาจำได้ว่ามันโดดตามเขาลงมา แต่แล้วเสียงเย็นเยียบก็ดังมาจากด้านหลัง

“หาใครอยู่เหรอ?”

“เวรเอ๊ย!”

เจสันหลบดาบที่หวังจะพุ่งแทงเขาจากด้านหลังอย่างทุกลักทุเล เขาถีบเข้าไปที่กลางท้องของชายสวมหน้ากาก แต่มันรับขาเขาไว้ทัน มันจัดการเอาศอกแทงขาเจสันจนหัก

กร๊อบ!!!

“อั้ก!!!”

“ทีนี้แกก็ไปไหนไม่ได้แล้ว”

ชายสวมหน้ากากดึงร่างเจสันมาแล้วก็จับหัวเจสันกระแทกกับพื้น 3-4 ครั้งก่อนที่จะยันร่างเจสันชิดกำแพง เอามือเจสันแบหงายแล้วแทงดาบเข้าไปที่มือทั้งสองข้างที่ไขว้กัน เจสันพยามกลั้นเสียงร้อง ชายสวมหน้ากากยืนจ้องเจสันที่ตอนนี้หน้าอาบไปด้วยเลือดนิ่งๆก่อนที่จะพูดขึ้น

“แกอยากรู้จริงๆงั้นเหรอว่าฉันคือใคร?”

“แค่ก…!”

เจสันกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะจ้องมันเขม็งราวกับว่าถ้าเขาหลุดออกไปได้เขาจะฆ่ามันให้ตาย ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆก่อนที่จะค่อยๆถอดหน้ากากออกแล้วดึงฮู๊ดสีเขียวลง ภาพตรงหน้าทำเอาเจสันทำอะไรไม่ถูก

“ก…แก…”

“หึ…สวัสดี…ทอดด์”

ผัวะ!!

แล้วเจสันก็สลบไปเพราะแรงอัดเต็มหน้า…

.

.

.

Rrrrrrr… Rrrrrrr….

ดิ๊ก เกรย์สันรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดรับทันทีพร้อมกับรัวคำถามไม่หยุด

“เจสัน!! นายเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้นายอยู่ไหน ใครทำอะไรนายรึเปล่าตอบมานะ!!?”

‘…..’ ปลายสายยังคงเงียบอยู่

“เฮ้เจย์!?”

‘เอะอะอะไรก็ทอดด์ น่ารำคาญเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…’

“…นายเป็นใคร นายทำอะไรกับเจสัน?” ดิ๊กถามเสียงแข็ง

‘จะใครก็ไม่สำคัญหรอก แต่ฉันรู้จักนายดีเลย เอาเป็นว่า…นายรีบมาพาตัวน้องชายนายไปโรงบาลก่อนเถอะ…’

“อะไรนะ…”

‘ฉันหนักมือไปหน่อย….โทษทีละกันเกรย์สัน’

“เฮ้ยเดี๋ยว!!?”

ปลายสายตัดสายไปแล้ว ดิ๊กรีบโทรไปหาอัลเฟรดให้อัลเฟรดหาพิกัดของเจสันให้ทันที พร้อมกับรีบโทรตามทิมไปที่เกิดเหตุด้วยกันเดี๋ยวนี้

.

.

.

ปัง!!

บรูซเปิดประตูห้องเสียงดัง เขารีบสาวเท้าเข้ามาดูอาการของเจสันด้วยความตกใจ เขายอมทิ้งการประชุมงานทั้งหมดเพื่อมาดูอาการของลูกบุญธรรมของเขาในตอนนี้ เจสันในสภาพที่นอนนิ่ง ศีรษะถูกพันไว้ด้วยผ้าก็อตสีขาวสะอาด ใบหน้ามีแต่ปาสเตอร์ยาเพื่อปกปิดรอยแผล และที่สำคัญตัวลูกชายบุญธรรมตอนนี้ก็ยังหลับไม่ได้สติ

“มันเกิดอะไรขึ้นดิ๊ก…ทิม…” บรูซถามขึ้น

“ผมไม่รู้…ผ…ผมเห็นเขาถูกเสียบ ต…ติดกำแพง…” ดิ๊กพูดเสียงสั่น ทิมเลยจับบ่าแล้วพูดแทน

“พวกเราไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าเจสันวางสายดิ๊กเพราะเจอศัตรู แล้วพอเราจะตามไปช่วย เขาก็….อย่างที่ดิ๊กบอก อาการอนนี้คือ ขาข้างซ้ายหัก หัวของเขาถูกกระแทกอย่างแรงแล้วก็….เสียเลือดมาก”

“…”

บรูซมองเจสันนิ่งๆสลับกับดิ๊กและทิมก่อนที่จะพูดขึ้น

“พวกนายสองคนอยู่ที่นี่เฝ้าเจสันไว้”

“เอ๋ แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่”

“…”

“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง…”

บรูซเดินออกไปจากห้องทันที เขารีบขึ้นรถที่จอดไว้ในซอยมืดที่ห่างจากโรงพยาบาลที่เจสันพักรักษาตัวอยู่ไม่ไกลมากแล้วเปลี่ยนโหมดรถให้เป็นแบทโมบิลและเปลี่ยนชุดเป็นแบทแมนภายในรถ จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปที่ๆคิดว่าคนที่ทำร้ายเจสันน่าจะอยู่

.

.

.

แบทแมนยืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่พบร่างเจสัน เขาสังเกตบาดแผลเจสันก็พอรู้ว่าคนที่ทำแบบนี้ไม่ใช่นักฆ่ากระจอกๆธรรมดาแน่ๆ

เอาถึงตายแน่ถ้าเอาจริง….

แบทแมนเดินสำรวจพื้นที่พบว่ามันมีโน้ตสีเขียวเล็กๆเสียบอยู่ที่ซอกตึก เขาหยิบขึ้นมาดูมันมีข้อความที่ดูเหมือนจะส่งตรงถึงเขามากกว่า 3 คนนั้น

‘Miss Me?’

ด้วยสัญชาตญาณเขารีบโดดลงตึกนั่นทันทีก่อนที่มันจะระเบิดร่างเขาเป็นเสี่ยงๆไปพร้อมก่อน เขายิงสลิงเพื่อไปตึกต่อไปอย่าทุลักทุเล เขาลุกขึ้นยืนเพื่อมองตึกที่ถูกระเบิด โชคดีที่ตึกนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ ในขณะที่แบทแมนกำลังยืนมองก็มีชายร่างใหญ่ค่อยๆเดินออกมาจากเงามืด แบทแมนพูดขึ้น

“นายคือคนที่ทำร้ายคนของของฉัน”

“หึ…เก่งเสียจริง”

แบทแมนหันไปประจันหน้าตรงๆกับชายตรงหน้าเขา ชายฮู๊ดสีเขียวกับหน้ากากอานูบิสสีทอง แบทแมนมองนิ่งก่อนที่จะพูดขึ้น

“คนของราซ อัลกูลสินะ แกต้องการอะไร?”

“หึ…ฮ่ะๆ…”

“….”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!”

จู่ๆชายคนนั้นก็หัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก แบทแมนมองอย่างไม่เข้าใจ

“จะเรียกว่าเป็นคนของราซ อัลกูลก็ถูก…”

ชายคนนั้นปัดฮู๊ดลงแล้วถอดหน้ากากออกมาขว้างมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี เมื่อแบทแมนเห็นก็ตาเบิกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ….

นาย…

“เรียกว่าเป็นหลานชายของเขาดีกว่ามั้ยครับ คุณพ่อ?”

เดเมี่ยน…

อดีตลูกชายชักดาบคู่ใจออกมาพุ่งเข้าประชิตตัวหวังจะปลิดชีพผู้เป็นพ่อเดี๋ยวนั้น แบทแมนเอาแขนกันไว้ไม่ให้ดาบมาถึงตัว แรงของคนตรงหน้าช่างแรงยิ่งนักซัดเอาร่างของเขาปลิวติดกำแพง

ปึก!!

แบทแมนขากเลือดออกมาแล้วเช็ดมุมปากมองลูกชายของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เดเมี่ยนแสยะยิ้มสะใจก่อนที่จะตั้งท่าโจมตีต่อไป แบทแมนผู้เป็นพ่อได้แต่ตั้งรับการโจมตีของลูกชายเท่านั้น….

“พอซักทีเดเมี่ยน ลูกต้องการอะไรกันแน่!!!?”

“ต้องการอะไรงั้นเหรอ?”

แคร้ง!!

เดเมี่ยนใช้ดาบปัดแบทตาแรงกระเด็นไปไกล ก่อนที่จะเอาดาบจ่อคอผู้บังเกิดเกล้า

“คนอย่างคุณจะเข้าใจอะไรผมกัน”

“ใช่ฉันไม่เข้าใจ…. แต่ก็ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน แค่บอกว่าทำไมก็เท่านั้น”

“…”

“บอกเถอะ…”

แบทแมนจับปลายดาบกดต่ำลงเพื่อไม่ให้จ่อคอตัวเอง ส่วนเดเมี่ยนเองก็ยอมที่จะลดดาบลง เดเมี่ยนก้มหน้าลงช้าๆเหมือนกำลังนึกคำพูด แบทแมนจับบ่าลูกชายเบาๆ

“ว่าไงล่ะ…”

“ผมรักพ่อ…”

“พ่อรู้…”

“แม้ว่าผม…จะรักแบบที่พ่อ….รักเซลิน่าน่ะนะ?”

“ว่าไงนะ…” แบทแมนช็อคกับคำตอบที่ออกมาจากปากลูกชาย

“นั่นไง…ฮ่ะๆๆ…”

ฉึก!!

คมดาบแทงเข้าไปที่สีข้างของผู้เป็นพ่ออย่างทันที แบทแมนรีบถอยกรูออกมา แผลแค่นี่เขาทนได้อยู่แล้ว แต่เขารู้สึกว่าครั้งนี้มันต่างจากที่เขาโดน เขาทรุดลงกับพื้น คอเริ่มคับแน่นเหมือนมีคนมาบีบคอให้ขาดอากาศหายใจ ทำให้เริ่มเห็นใบหน้าของลูกชายพร่ามัว หูเริ่มอื้ออึงแต่ก็ได้ยินทุกประโยค

“รู้อยู่แล้วแหละว่าพ่อทนแผลแค่นี้ได้….”

“อึก….แฮ่ก…แฮ่ก….” แบทแมนหอบพร่าพร้อมกับมองลูกชายด้วยสายตาพร่ามัว

“ผมเลยใส่อะไรลงไปนิดหน่อยในคมดาบ พิษรุนแรงแบบ 7 นาทีก็ไปคุยกับพระเจ้า มันจะไปทำลายประสาทของคุณช้าๆ หายใจไม่ออก ชาทั้งร่างขยับไม่ได้….จนตาย…”

เดเมี่ยนนั่งชันเข่าแล้วกระชากหน้ากากแบทแมนออกมา เห็นเพียงแค่สีหน้าที่ทรมาณของบรูซ เวย์น พ่อของเขาเท่านั้น… บรูซได้แต่มองเดเมี่ยนด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น

“ผมไม่ปล่อยให้คุณตายหรอก…”

เดเมี่ยนหยิบขวดยาเล็กๆขึ้นดื่มแต่ไม่ได้กลืนลงคอ เขาประคองใบหน้าของบรูซก่อนที่มอบจุมพิษให้พ่อของตนเอง….

“อึ้ก….!”

ช้าๆแต่รุนแรง… ริมฝีปากจากเชื้อไขของตนบดขยี้อย่างรุนแรง ลิ้นนุ่มหวานและปนขมรสยากวาดต้อนไปทั่วโพรงปากแล้วยึดอากาศหายใจไป คนใต้ล่างไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะฤทธิ์ของพิษและรสจูบที่รุนแรง…

มันไม่ถูกต้อง….

สิ้นสติผู้เป็นพ่อสลบไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา… เดเมี่ยนค่อยๆช้อนร่างของบรูซขึ้นมาเพื่อพาไปที่ยานของเขาที่เตรียมไว้อยู่บนดาดฟ้าของอีกตึก เมื่อเดินมาถึงยานเดเมี่ยนก็วางร่างของบรูซลงบนพื้นของยาน เดเมี่ยนลูบใบหน้าคมของอีกฝ่ายอย่างโหยหามานาน

“เราจะอยู่ด้วยกัน…”

“…”

.

.

.

.

“…อือ…”

บรูซค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา เขาค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เขารู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เจ็บช่วงท้องและกระหายน้ำเอามากๆ เขาตื่นขึ้นมาอยู่ในห้องที่ตกแต่งแบบเรียบหรูสไตลอัลกูล แต่แอบแปลกตาตรงนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียง แต่ก็ช่วยเขาได้ดีเรื่องวันและเวลา…

นับวันที่สิ้นสติไป วันนี้เป็นวันที่ 4 และตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนเศษเสียด้วย

“อุ้บ…!”

อาการปวดหัวรุกมากกว่าเดิม มันน่าจะเป็นผลมาจากพิษรุนแรงที่เคยเล่นงานเขาปางตาย…. เขาพยามนึกว่าที่กำลังเป็นอยู่นี้คือความฝันโง่ๆ แต่จากอาการปวดหัวที่ซัดมาเป็นระยะพร้อมอาการปวดช่องท้องนี่….มันตอกย้ำเสมอว่านี่คือ ‘ความเป็นจริง’

“ฟื้นแล้วเหรอ”

บรูซหันไปมองที่ต้นเสียง เสียงที่คุ้นเคยแต่แตกหนุ่มแล้วของลูกชายเขา เดเมี่ยน…. เดเมี่ยนมองพ่อของตนก่อนที่จะวางกาละมังเช็ดตัวไว้บนโต๊ะที่มุมห้อง เดเมี่ยนหยิบกล่องยาบนตู้เสื้อผ้าขึ้นมาหายาแก้ปวด และกำลังรินน้ำลงแก้ว บรูซมองลูกชายด้วยสีหน้านิ่งเฉยแต่หวาดระแวงในใจ

เดเมี่ยนเหลือบมองบรูซก่อนจะหันมาเดินเข้ามาหาบรูซ ในมือมียาแก้ปวดกับน้ำเปล่าในมือ เขาส่งมันให้กับบรูซ ซึ่งบรูซก็เอาแต่มอง ไม่คิดจะหยิบมาแต่อย่างใด

“กินซะ มันไม่ใช่ยาพิษ”

บรูซจ้องเดเมี่ยนด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนที่จะรับยาและน้ำจากมือของเด็กหนุ่มมา บรูซกลืนยาลงก่อนที่จะดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว มือยังคงกุมแก้วเปล่าไว้แน่นเหมือนพยามคุมอารมณ์ไว้

ความเงียบปกคลุมสู่บรรยากาศ มีเพียงเสียงสายลมพัดเบาๆจากด้านนอกเท่านั้น เดเมี่ยนยังคงยืนมองบรูซอยู่ริมหน้าต่าง บรูซที่นั่งจ้องแก้วในมืออยู่นานก็เริ่มพูดขึ้น

“ทำแบบนี้ทำไม…?”

“….”

เดเมี่ยนไม่ตอบอะไร ได้แต่ยืนจ้องพ่อตัวเองเงียบๆแบบนั้น บรูซเริ่มกดอารมณ์โมโหของตัวเองไม่ไหว แก้วในมือปาใส่ลูกชายอย่างไม่ใยดี

เพล้ง!!

เดเมี่ยนเอียงคอหลบทำให้แก้วกระทบกำแพงแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษแก้วกระเด็นบาดหน้าเดเมี่ยนเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไรให้เขามากมายนักหรอก บรูซมองเดเมี่ยนอย่างไม่เข้าใจและไม่สบอารมณ์ บรูซขยับเตรียมจะลงจากเตียงแต่ก็ต้องชะงักเพราะเมื่อเปิดผ้าห่มดูก็ค้นพบว่าข้อเท้าของเขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ บรูซหันมาจ้องเดเมี่ยนเขม็งอีกครั้ง

“หึ….”

เดเมี่ยนเค่นยิ้มก่อนที่จะเดินมายืนอยู่ที่ขอบเตียงด้านซ้าย เข่าชันขึ้นเตียง มือจรดเชิดคางผู้เป็นพ่ออย่างมีชัย

“อยากรู้เหรอว่าทำไม?”

“….” บรูซนิ่งเงียบ สายตาจ้องเขม็งรอคำตอบ

เดเมี่ยนยิ้มเยาะ สายตาจากที่เหมือนเล่นสนุกตลอดเวลาเริ่มเย็นชาจนบรูซสังเกตได้

“เพราะพ่อแต่งงานกับเซลิน่าไง”

“….”

“ผมทนไม่ได้หรอกนะ…”

รอยยิ้มเยาะอย่างมีชัยเริ่มหายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น มีเพียงสีหน้าที่โกรธแค้นจากคนตรงหน้าเท่านั้น

“พอคุณมีเซลิน่าคุณก็เริ่มละเลยจากผม…ไม่แฟร์เลย”

“…”

“ผมรักคุณแบบคนรักมานานมากแล้วแต่คุณไม่เคยรู้เลย… แต่ผมรู้ไงว่าถ้าผมบอกคุณไปคุณจะต้องเกลียดผมมากแน่ๆแล้วเห็นผมเป็นตัวประหลาด ผมเลยพยามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณภูมิใจ ทั้งการเป็นเดเมี่ยน เวย์น ทั้งการเป็นโรบิ้นคู่หูคุณ แต่….”

“…”

“…แต่ในสายตาและหัวใจคุณก็มีแต่เซลิน่า ผม…อิจฉาเหลือเกินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้”

“…”

“แล้วถ้าเกิดคุณมีลูกกับเซลิน่าแน่นอนว่าคุณจะต้องรักเด็กคนนั้นมากกว่าผมที่เกิดจากหลอดแก้ว…จะอยู่ไปทำไมล่ะ? ผมเลยออกไปจากชีวิตคุณ…ไปฝึกกับท่านตาที่อื่นโดยที่แม่ไม่รู้เรื่อง….”

เดเมี่ยนสะบัดคางบรูซ เขากดร่างโปร่งของผู้เป็นพ่อลงกับเตียง มือที่กำลังจะผลักเด็กหนุ่มให้ไปไกลๆก็ถูกรวบขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างสูงของเด็กหนุ่มคร่อมร่างโปร่งของผู้เป็นพ่อ เดเมี่ยนมองพ่อตัวเองนิ่งก่อนที่จะกดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางของพ่อตน บรูซพยามสะลัดให้หลุดจากจูบที่แสนกระหายเลือดของลูกชาย ลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามาเพื่อตักตวงความหวานจากโพรงปากของผู้เป็นพ่อ

“อ…อุ่ก…!!!”

ช้าแต่ช่างรุนแรง… เดเมี่ยนค่อยๆผละออกมาช้าๆ ก่อนที่จะกัดขบที่ริมฝีปากของบรูซอีกครั้งเบาๆ ก่อนที่เดเมี่ยนจะเปลี่ยนที่ต่อไปคือคอที่ขาวนวลนั่น บรูซพยามดิ้นหนีเดเมี่ยน แต่ลูกชายนั้นแรงเยอะกว่ามาก เดเมี่ยนกระชาคอเสื้อออกแล้วค่อยๆขบกัดไปที่ต้นคอจนเป็นรอยวงแดงช้ำทั่วคอและบ่า

“หยุดเดี๋ยวนี้นะเดเมี่ยน!!! พ่อบอกให้หยุดไง!!!”

เดเมี่ยนไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นเพราะตอนนี้อารมณ์นั้นครอบงำทุกอย่าง เขาอยากทำให้ร่างโปร่งตรงหน้ากรีดร้องและครางเพียงชื่อของเขาคนเดียว….

ใครพ่อใครลูกตอนนี้เขาไม่สนแล้ว

เขาสนแค่ว่า บรูซ เวย์นต้องเป็นของเขา ‘คนเดียว’

เดเมี่ยนเชยคางบรูซขึ้นมาเพื่อจูบอีกครั้งแต่คราวนี้รุนแรงกว่าเดิมถึงขั้นกัดริมฝีปากอีกฝ่ายจนเลือดออกซิบ มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่(อีกข้างล็อกข้อมือทั้งสองข้างไว้)ค่อยๆเลื่อนลองไปล้วงเข้าไปในกางเกงของพ่อ มือเดเมี่ยนค่อยๆกอบกุมสองพวงนิ่มนั่น ค่อยๆคลึงๆเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดอารมณ์ด้วยมือเขา

“อื้อ!!?”

“ฮึ…”

เดเมี่ยนเค่นหัวเราะเบาๆ มือหยาบร้อนขยับขับคลึงสองพวงนิ่มของผู้เป็นพ่อราวกับจะยอกย้อหยอกล้อให้เกิดอารมณ์ เดเมี่ยนผละออกจากริมฝีปากแล้วมาเริ่มขบกัดที่ยอดอกอิ่มเบาๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อที่ปกปิดร่างกายของพ่อออก เดเมี่ยนเปลี่ยนตำแหน่งมือที่ขยำหยอกล้อสองพวงนิ่มเป็นแกนกายของพ่อตนแทน เขาค่อยๆขยับรูดให้พ่ออย่างเบามือจนกระทั่งเริ่มเข้าจังหวะเรื่อยๆ ใบหน้าของบรูซแดงจัดและเหมือนจะเคลิ้มเพราะฝีมือลูกแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้และกลั้นไม่ให้เสียงหลุดเพราะรู้สึกดี…

ยิ่งเห็นสีหน้าแบบนั้นยิ่งน่าสนุก….

“อึ้ก!!!”

เดเมี่ยนขบกัดอย่างแรงที่ยดอกด้านซ้าย กัดกดแล้วก็เลียซ้ำก่อนที่จะเลื่อนไปข้างต่อไปแล้วเงยหน้ามองใบหน้าของพ่อ จู่ๆเดเมี่ยนหยุดกิจกรรมที่มือ เขาปลดผ้าคาดเอวออกมาแล้วเอามามัดที่ข้อมือของพ่อติดกับหัวเตียง ก่อนที่จับบรูซจูบอีกครั้ง มือเริ่มกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ข้างซ้ายจากที่เอาไว้กดข้อมือก็เอามากดคออีกฝ่ายไม่ให้ดิ้น ส่วนอีกข้างก็ปลดกระดุมเสื้อขาวตัวบางผลักไสผ้าบางๆออกไปให้เห็นร่างขาวนวล แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการตีรันฟันแทงหรือรอยถูกยิงก็ไม่ได้ทำให้เดเมี่ยนรังเกียจร่างตรงหน้าด้วยซ้ำ กลับกันเขาคิดว่าถ้าเกิดมันเกิดมาจากฝีมือเขาไม่ว่าจะรอยแทงที่เขาเพิ่งมอบให้พ่อไปเมื่อ 4 วันก่อน หรือจะรอยตรีตราที่กำลังจะทำต่อจากนี้มันคงจะดีไม่ใช่น้อย… มือที่ใช้ปลดกระดุมเลื่อนลงไปทำหน้าที่ขยับแกนกายต่อไปเป็นจังหวะ ริมฝีปากอุ่นร้อนขบกัดไปทั่วตั้งแต่ซอกคอ ส่วนอก แต่ก็ต้องเว้นส่วนท้องไว้เพราะมันถูกพันด้วยผ้าก็อตปิดแผล…

“ฮึก…!!”

เมื่อบรูซใกล้จะเสร็จเดเมี่ยนก็ประกบจูบบรูซหนักหน่วงกว่าเดิม เมื่อผู้เป็นพ่อถึงจุดสูงสุดของห้วงอารมณ์เดเมี่ยนก็แกล้งเอาปลายนิ้วกดที่ปลายหัวอย่างแรงจนบรูซอึดอัดทรมาณเผลอสะดุ้งตัว เดเมี่ยนสะใจผละออกจากจูบหวานร้อนเพราะอยากรู้ว่าบรูซจะพูดอะไร…

“ฮึก…! อ…เอามือออก…อึ่ก….!!”

“ขอสิ…”

“อ๊า!!!”

เดเมี่ยนยิ่งแกล้งกดบีบแรงกว่าเดิม บรูซหอบแฮ่กอย่างทรมาณก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างร้อนรน

“ด…ได้โปรด….ฮึก…”

เดเมี่ยนเค่นยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยให้น้ำกามพุ่งออกมา มันเปรอะเต็มหน้าท้องของบรูซและมือของเดเมี่ยน… เด็กหนุ่มเลื่อนมือที่เปื้อนน้ำกามของพ่อมาเลียเบาๆ มองผู้เป็นพ่อนอนหอบเพราะความเหนื่อยหอบ

“พ…พอได้ แล้ว อึ้ก!!”

เดเมี่ยนไม่ฟัง เขาจับบรูซถอดกางเกงและถอดของตัวเองด้วย เดเมี่ยนยัดแกนกายของตนที่ตอนนี้ขยายใหญ่เพราะแรงอารมณ์เข้าไปทันทีโดยที่ไม่คิดจะเบิกช่องทางให้พ่อตัวเองเลย ยิ่งทำให้บรูซเจ็บจุกจนพูดไม่ออก เดเมี่ยนแช่มันซักพักก่อนที่จะขยับมันทันทีโดยไม่ให้บรูซตั้งตัว….

เอี๊ยด…!! เอี๊ยด…!!

“อะ…อึ่ก…ไม่…ไม่!!!”

เสียงกายกระทบ เสียงเตียงที่ขยับ เสียงกรีดร้องเข้าสู่โซนประสาทของผู้เป็นลูกมันยิ่งเพิ่มอารมณ์อยากบดขยี้ร่างนี้ให้แหลก บรูซกรีดร้องไม่ได้ศัพท์ น้ำตาไหลพรั่งพรูเพราะความเจ็บปวด มันยิ่งกระตุกอารมณ์ให้เดเมี่ยนขยับให้แรงกว่านี้ แกนกายใหญ่ที่ยัดเยียดเข้ามากระแทกไม่ยั้งเพื่อปรนเปรอตนให้ถึงจุดห้วงอารมณ์ เดเมี่ยนหอบพร่าด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะกดจูบลงไปเพราะเขาอยากได้ยินเสียงประท้วงอื้ออึงจากพ่อของตนที่กำลังเจ็บปวดด้วยตัวเขา

“อึ้ก!!! ก…อื้อ!!! อ…อึ้กกก!!”

“ฮึ่ก…ฮ่า…”

เดเมี่ยนผละริมฝีปากออกแล้วแล้วเริ่มจูบอีกครั้ง เสียงจูบดังจ้วบจ้าบ จังหวะแห่งผิดเพี้ยนศีลธรรมเร่งแรงขึ้นจนทำให้คนใต้ล่างใกล้จะเสร็จอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ

แล้วเดเมี่ยนก็ใกล้จะเสร็จ….

“ฮึก…ทำแบบ น…นี้ไม่ได้….มัน…อ…อ๊า!!!”

ไม่ทันที่จะพูดจบน้ำกามขาวขุ่นพุ่งเต็มไปทั่วช่องทางของผู้เป็นพ่อ เต็มจนล้นออกมาแต่เดเมี่ยนก็ยังคงคาเอาไว้มาเอาออกไป บรูซเองก็เสร็จเช่นกัน สติของบรูซเริ่มพร่ามัวไปทุกที เขาเริ่มจะหมดสติอีกครั้งแต่ก็ถูกเดเมี่ยนปลุกด้วยการกดเข้าที่แผลแรงๆจนเลือดซึมผ้าก็อตออกมา…

“แค่นี้มันไม่พอหรอกนะ…”

.

.

.

.

เดเมี่ยนนั่งเช็ดตัวให้บรูซหลังจากที่ทำกิจกรรมจนเสร็จ เขาวางกะละมังเช็ดตัวไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลเพื่อมาทำแผลให้บรูซ ทั้งแผลที่ท้องและแผลที่เขาทำขึ้นมาใหม่จากกิจกรรมที่แสนผิดศีลธรรม….

เด็กหนุ่มแก้ผ้าพันแผลที่ท้องที่มันซึมเลือดออกมา แผลมันฉีกกว่าเดิมเพราะเขาไปกดมันซ้ำเขาเลยทายาแล้วพันมันใหม่อีกครั้ง

ยาที่เขาใส่ให้บรูซที่ท้องมันแสบมากๆ ขนาดเขายังไม่อยากใช้เลย บรูซก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาร้องโอดโอย….

แสดงว่าสลบจนไม่รู้สึกตัวเลย…

เดเมี่ยนมองไปที่ข้อมือ มันเป็นรอยถลอกสีแดงจนเลือดซึม เขาฉีดสเปรย์ให้เพื่อบรรเทาอาการบวมก่อนที่จะพันแผลให้ข้อมือทั้ง 2 ข้าง ตอนนี้เขานั่งทำแผลเงียบๆให้บรูซทั้งตัวจนเสร็จ เขาเดินไปเก็บกล่องพยาบาลที่ตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะเหยิบผ้าห่มอีกผืนมาเพื่อเอามาคลุมร่างให้บรูซ เพราะอีกผืนนั้นเอามาปูรองร่างบรูซไว้เพราะไม่อยากให้เปื้อนน้ำกามของทั้งคู่เอง…

เดเมี่ยนค่อยๆเลื่อนตัวมานอนข้างๆบรูซ เขากอดบรูซแน่นด้วยความโหยหาต้องการ…ตลอด 6 ปีที่หายหน้าไปจากชายคนนี้… เขาฝึกทั้งฝีมือเพื่อจัดการพ่อที่แข็งแกร่งที่สุด… เขาเชื่อว่าถ้าเกิดแกร่งกว่าพ่อ พ่อจะต้องกลายเป็นของเขาเพียงผู้เดียว…. และที่เขาฝึกร่างกายนี้จนกำยำและสูงกว่าพ่อ…

เพื่อที่เขาจะสวมกอดพ่อที่เคยร่างใหญ่กว่าเขาตอนนี้

…อยากครอบครองตลอดไป…

…และตลอดไป…

.

.

.

.

.

END.

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

// แจวลาวาอย่างมีความสุขในนรก

นี่คือรูปน้องเมี่ยนค่ะ ต้นแบบมาจาก Batman Beyond

BVD

แซ่บเหลือเกินออเจ้าทั้งหลาย =w=